ทำไมงาน? ระบบสระว่ายน้ำถึงเลือกใช้ วาล์ว และ ข้อต่อ UPVC 

งานระบบสระว่ายน้ำนิยมเลือกใช้วาล์วและ ข้อต่อ UPVC (Unplasticized Polyvinyl  Chloride)

เป็นหลัก เนื่องจากคุณสมบัติที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมของสระว่ายน้ำอย่างยิ่ง มีเหตุผลดังนี้:

ทนทานต่อสารเคมีสูง: ในสระว่ายน้ำมีการใช้สารเคมีต่างๆ เช่น คลอรีน, กรด, ด่าง เพื่อฆ่าเชื้อโรคและปรับสภาพน้ำ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้มีฤทธิ์กัดกร่อนโลหะและวัสดุบางชนิดได้ง่าย แต่ UPVC มีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ระบบท่อและวาล์วมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ไม่เป็นสนิมและไม่ผุกร่อน: โลหะอาจเกิดสนิมและผุกร่อนได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับน้ำและสารเคมีเป็นเวลานาน ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพน้ำแย่ลงและเกิดการรั่วซึมได้ UPVC ไม่ใช่โลหะ จึงไม่เป็นสนิม ไม่ผุกร่อน และไม่ทำให้น้ำในสระปนเปื้อน

น้ำหนักเบาและติดตั้งง่าย: ท่อและอุปกรณ์ UPVC มีน้ำหนักเบากว่าวัสดุอื่น ๆ เช่น โลหะ ทำให้การขนส่ง ติดตั้ง และบำรุงรักษาง่ายและรวดเร็ว ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำงาน

ผิวเรียบ ลดการสะสมของตะกอน: ผิวภายในของท่อและข้อต่อ UPVC มีความเรียบลื่น ทำให้การไหลของน้ำเป็นไปอย่างราบรื่น ลดการสะสมของตะกอน สิ่งสกปรก และตะไคร่น้ำ ซึ่งช่วยรักษาคุณภาพน้ำและลดความจำเป็นในการทำความสะอาดบ่อยครั้ง

ราคาเหมาะสม: เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพและความทนทานในระยะยาว UPVC มีราคาที่คุ้มค่าและประหยัดกว่าวัสดุทางเลือกอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน

ทนทานต่อแรงดันได้ดี: UPVC สามารถทนทานต่อแรงดันน้ำในระบบหมุนเวียนของสระว่ายน้ำได้ดี ไม่แตกหักง่ายภายใต้สภาวะการใช้งานปกติ

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ UPVC จึงเป็นวัสดุที่เหมาะสมและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายสำหรับงานระบบท่อ วาล์ว และข้อต่อในสระว่ายน้ำ เพื่อให้ระบบมีประสิทธิภาพ ทนทาน และปลอดภัยต่อการใช้งานในระยะยาว

ข้อต่อ UPVC มีหลากหลายประเภทและขนาด เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อท่อ UPVC และอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบท่อให้เป็นไปตามการออกแบบและวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งประเภทหลักๆ ได้ดังนี้:

 ข้อต่อ UPVC มีอะไรบ้าง

1. ข้อต่อสำหรับเปลี่ยนทิศทาง (Elbows / Bends):

ข้องอ 90 องศา (Elbow 90°): ใช้สำหรับเปลี่ยนทิศทางการเดินท่อ 90 องศา

ข้องอ 45 องศา (Elbow 45°): ใช้สำหรับเปลี่ยนทิศทางการเดินท่อ 45 องศา

2. ข้อต่อสำหรับแยก/รวมท่อ (Tees / Crosses):

ข้อต่อสามทาง (Tee): ใช้สำหรับแยกหรือรวมท่อออกเป็น 3 ทิศทาง

ข้อต่อสี่ทาง (Cross): ใช้สำหรับแยกหรือรวมท่อออกเป็น 4 ทิศทาง (พบน้อยกว่าสามทาง)

ข้อต่อสามทางลด (Reducing Tee): สามทางที่มีขนาดรูท่อไม่เท่ากัน เพื่อลดหรือเพิ่มขนาดท่อในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

3. ข้อต่อสำหรับเชื่อมต่อตรงและลดขนาด (Couplings / Reducers):

ข้อต่อตรง (Coupling): ใช้สำหรับเชื่อมต่อท่อสองเส้นที่มีขนาดเท่ากันให้ยาวขึ้น

ข้อต่อตรงลดขนาด (Reducing Coupling / Bushing): ใช้สำหรับเชื่อมต่อท่อสองเส้นที่มีขนาดแตกต่างกัน เพื่อลดหรือเพิ่มขนาดท่อ

4. ข้อต่อเกลียว (Threaded Fittings):

ข้อต่อตรงเกลียวใน (Female Adaptor / FPT): มีเกลียวอยู่ด้านใน ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่มีเกลียวนอก หรือท่อที่มีปลายเกลียวนอก

ข้อต่อตรงเกลียวนอก (Male Adaptor / MPT): มีเกลียวอยู่ด้านนอก ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่มีเกลียวใน หรือท่อที่มีปลายเกลียวใน

ข้องอเกลียวใน/เกลียวนอก (Threaded Elbow): ข้องอที่มีปลายด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านเป็นเกลียว

สามทางเกลียวใน/เกลียวนอก (Threaded Tee): สามทางที่มีปลายด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านเป็นเกลียว

5. ข้อต่อยูเนี่ยน (Union):

ข้อต่อยูเนี่ยน (Union): เป็นข้อต่อพิเศษที่สามารถถอดออกจากกันได้ง่าย โดยไม่ต้องตัดท่อ ทำให้สะดวกในการบำรุงรักษา ถอดประกอบ หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบ (เช่น ปั๊ม, วาล์ว)

6. ข้อต่อสำหรับปิดปลายท่อ (Caps / Plugs):

ฝาครอบปลายท่อ (Cap): ใช้สำหรับปิดปลายท่อที่ไม่ได้ใช้งาน

ปลั๊กอุด (Plug): ใช้สำหรับอุดรูเกลียวที่ไม่ได้ใช้งาน

7. หน้าแปลน (Flange):

หน้าแปลน UPVC: ใช้สำหรับเชื่อมต่อท่อ UPVC เข้ากับอุปกรณ์ที่มีหน้าแปลน หรือใช้เชื่อมต่อท่อ UPVC กับระบบท่อที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ โดยใช้ปะเก็นและโบลท์นัทในการยึด

8. ข้อต่อพิเศษอื่นๆ:

ข้อต่อเช็ควาล์ว (Check Valve): วาล์วที่ยอมให้น้ำไหลได้ทางเดียว

วาล์วประตูน้ำ (Gate Valve): วาล์วที่ใช้เปิด-ปิดการไหลของน้ำ

บอลวาล์ว (Ball Valve): วาล์วที่ใช้ควบคุมการไหลของน้ำ โดยมีลูกบอลเป็นตัวควบคุม

สายอ่อน UPVC (Flexible UPVC Pipe): ท่อ UPVC แบบยืดหยุ่น ใช้ในจุดที่ต้องการความยืดหยุ่น

วิธีการเชื่อมต่อหลักๆ ของข้อต่อ UPVC:

แบบสวม (Socket/Solvent Weld): เป็นการเชื่อมต่อที่นิยมที่สุดในงาน UPVC โดยใช้กาวทาท่อ (Solvent Cement) ทาที่ผิวหน้าของท่อและข้อต่อ แล้วสวมเข้าด้วยกัน กาวจะทำปฏิกิริยาละลายเนื้อ UPVC เล็กน้อย ทำให้เกิดการเชื่อมติดกันอย่างแน่นหนาและถาวร

แบบเกลียว (Threaded): ใช้สำหรับจุดที่ต้องการความสะดวกในการถอดประกอบ โดยมีเกลียวในและเกลียวนอก เพื่อหมุนเข้าหากัน มักใช้เทปพันเกลียวเพื่อป้องกันการรั่วซึม

การเลือกใช้ข้อต่อ UPVC ที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับการออกแบบระบบท่อ ขนาดของท่อ แรงดันน้ำ และฟังก์ชันการทำงานที่ต้องการในแต่ละจุดของงานระบบสระว่ายน้ำค่ะ

การทำงานของระบบสระว่ายน้ำ

  1. การดูดน้ำเข้าสู่ระบบ (Skimming & Draining)

    เริ่มต้นที่การดูดน้ำจากสระว่ายน้ำเข้าสู่ระบบ โดยมีช่องทางหลักสองช่องทาง:

    สกิมเมอร์ (Skimmer): เป็นช่องดูดน้ำที่อยู่บริเวณผิวน้ำ มักติดตั้งอยู่ด้านข้างของสระ ทำหน้าที่ดูดสิ่งสกปรกที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ เช่น ใบไม้ แมลง ฝุ่นละออง และคราบน้ำมัน โดยมีตะกร้ากรองหยาบ (Skimmer Basket) ดักจับสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ไว้ก่อนเข้าสู่ปั๊ม

    สะดือสระ (Main Drain): เป็นช่องดูดน้ำที่อยู่ก้นสระ ทำหน้าที่ดูดน้ำจากส่วนล่างของสระ ซึ่งมีน้ำหนักมากและมีแนวโน้มที่จะมีสิ่งสกปรกที่ตกตะกอนอยู่ การดูดน้ำจากสะดือสระช่วยให้การหมุนเวียนน้ำทั่วทั้งสระมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    โดยทั่วไป วาล์วจะถูกตั้งค่าให้ดูดน้ำจากสกิมเมอร์เป็นหลัก และดูดจากสะดือสระรองลงมา เพื่อให้สามารถดักจับสิ่งสกปรกที่ผิวน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  2. การปั๊มน้ำ (Pumping) เมื่อน้ำถูกดูดจากสกิมเมอร์และสะดือสระแล้ว จะไหลเข้าสู่ ปั๊มน้ำ (Pool Pump) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบ หน้าที่ของปั๊มคือนำพาน้ำเข้าสู่กระบวนการถัดไป และสร้างแรงดันให้น้ำไหลผ่านระบบกรองและระบบฆ่าเชื้อ

  3. การกรองน้ำ (Filtration) ๆ ถังกรองมีหลายประเภท เช่น:

    ถังกรองทราย (Sand Filter): เป็นที่นิยมมากที่สุด ภายในบรรจุทรายกรองพิเศษ น้ำจะไหลผ่านชั้นทราย ทรายจะทำหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกไว้

    ถังกรองผ้า (Cartridge Filter): ใช้แผ่นกรองผ้าในการดักจับสิ่งสกปรก เหมาะกับสระขนาดเล็กถึงกลาง และบำรุงรักษาง่าย

    ถังกรอง Diatomaceous Earth (DE Filter): ใช้ผง DE เป็นสารกรอง มีประสิทธิภาพการกรองสูงสุด แต่บำรุงรักษายุ่งยากกว่า

  4. การฆ่าเชื้อโรค (Sanitization) หลังจากผ่านการกรอง น้ำจะเข้าสู่กระบวนการฆ่าเชื้อโรค เพื่อกำจัดแบคทีเรีย ไวรัส สาหร่าย และเชื้อโรคอื่น ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า วิธีการฆ่าเชื้อที่นิยมใช้ได้แก่:

    ระบบคลอรีน (Chlorine System): เป็นวิธีที่นิยมที่สุด โดยอาจเป็นรูปของคลอรีนเม็ด คลอรีนน้ำ หรือคลอรีนผง หรือใช้ เครื่องผลิตคลอรีนจากเกลือ (Salt Chlorinator) ที่เปลี่ยนเกลือในน้ำให้เป็นคลอรีน

    ระบบโอโซน (Ozone Generator): ผลิตก๊าซโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรค มีประสิทธิภาพสูงและลดการใช้คลอรีน

    ระบบรังสี UV (UV Sterilizer): ใช้แสงอัลตราไวโอเลตในการฆ่าเชื้อโรค มักใช้เสริมกับระบบคลอรีน

    ระบบการบำบัดน้ำด้วยทองแดงและเงิน (Mineral Sanitizer): ใช้ไอออนของทองแดงและเงินในการฆ่าเชื้อโรคและสาหร่าย

  5. การส่งน้ำกลับสู่สระ (Returning Water)เมื่อน้ำได้รับการกรองและฆ่าเชื้อโรคแล้ว น้ำที่สะอาดและปลอดภัยจะถูกส่งกลับเข้าสู่สระว่ายน้ำผ่าน หัวจ่ายน้ำ

  6. การบำรุงรักษาและควบคุมคุณภาพน้ำ (Maintenance & Water Chemistry)

    นอกเหนือจากวัฏจักรการหมุนเวียนน้ำข้างต้น การบำรุงรักษาระบบและควบคุมคุณภาพน้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง:

    การล้างย้อน (Backwash): สำหรับถังกรองทรายและ DE Filter จำเป็นต้องมีการล้างย้อนเป็นประจำเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในสารกรองออกไป ทำให้ถังกรองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การทำความสะอาดสระ: การดูดตะกอนก้นสระ การขัดผนังสระ และการเก็บสิ่งสกปรกออกจากสระเป็นประจำ

    การตรวจสอบและปรับสมดุลเคมีของน้ำ: เช่น ระดับค่า pH, ค่าคลอรีนอิสระ, ค่าอัลคาลินิตี้, ค่าความกระด้างของน้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำอยู่ในระดับที่เหมาะสม ปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อผู้ใช้งานและตัวสระ

    การทำงานร่วมกันของอุปกรณ์เหล่านี้ทำให้ระบบสระว่ายน้ำสามารถรักษาสภาพน้ำให้ใสสะอาด ปลอดภัย และพร้อมสำหรับการใช้งานอยู่เสมอ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้