งานท่อ: สิ่งสำคัญที่เชื่อมโยงระบบต่างๆ ในงานโครงการก่อสร้าง"
งานท่อ (Piping and Plumbing) ถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งในงานโครงการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นอาคารพักอาศัย, อาคารพาณิชย์, โรงงานอุตสาหกรรม หรือโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ งานนี้ไม่ใช่เพียงแค่การติดตั้งท่อเพื่อให้น้ำไหลผ่าน แต่เป็นระบบที่ซับซ้อนและมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงและขับเคลื่อนระบบต่างๆ ของอาคารให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์
ประเภทของงานท่อในงานก่อสร้าง
งานท่อสามารถแบ่งออกได้หลายประเภทตามหน้าที่และการใช้งานหลักๆ ดังนี้:
งานระบบสุขาภิบาล (Plumbing System) : เป็นงานท่อที่คุ้นเคยมากที่สุด ประกอบด้วยระบบน้ำดี (ประปา) และระบบน้ำทิ้ง (ระบายน้ำเสียและน้ำฝน) มีหน้าที่หลักในการนำน้ำสะอาดเข้าสู่อาคารและระบายน้ำเสียออกจากอาคารอย่างถูกสุขลักษณะ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้งานได้ตามปกติและป้องกันปัญหาสุขภาพอนามัย
ประเภทของท่อที่ใช้ในงานระบบสุขาภิบาล
1. ท่อ PVC (Polyvinyl Chloride)
คุณสมบัติ: เป็นท่อพลาสติกที่นิยมใช้มากที่สุดในงานสุขาภิบาลสำหรับน้ำดีและน้ำทิ้ง ราคาถูก น้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม ติดตั้งง่ายด้วยกาวทาท่อ
การใช้งาน:
ท่อ PVC สีฟ้า: สำหรับงานท่อน้ำประปา (น้ำดี) ภายในอาคาร
ท่อ PVC สีเทา: สำหรับงานท่อระบายน้ำทิ้ง หรือท่อที่ไม่มีแรงดันน้ำ
ข้อจำกัด: ไม่ทนต่อแรงกระแทกมากนัก และไม่เหมาะกับงานระบบน้ำร้อน
2. ท่อ PPR (Polypropylene Random Copolymer)
คุณสมบัติ: เป็นท่อพลาสติกคุณภาพสูงที่ถูกพัฒนามาเพื่อใช้งานในระบบท่อน้ำโดยเฉพาะ มีจุดเด่นคือ ทนทานต่อความร้อนได้สูง (ถึง 95°C) ทำให้เหมาะสำหรับงานระบบน้ำร้อน-น้ำเย็น
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานท่อน้ำร้อนในบ้านพักอาศัย โรงแรม หรืออาคารที่ต้องการระบบน้ำร้อน
ข้อดี: การติดตั้งใช้วิธีให้ความร้อนหลอมท่อและข้อต่อให้เป็นเนื้อเดียวกัน จึงมั่นใจว่าจะไม่มีการรั่วซึมที่จุดเชื่อมต่อ และไม่เกิดสนิมหรือตะกรัน
3. ท่อ PE (Polyethylene)
คุณสมบัติ: เป็นท่อพลาสติกสีดำที่มีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อแรงกระแทกและแรงดึงได้ดีมาก ผิวภายในเรียบช่วยให้การไหลของน้ำดีขึ้น
การใช้งาน: นิยมใช้ในงานระบบประปาที่ฝังใต้ดิน เนื่องจากท่อมีความยืดหยุ่นสูง สามารถทนต่อการทรุดตัวของดินได้ดี รวมถึงงานระบบประปาในโครงการขนาดใหญ่ เช่น งานท่อส่งน้ำของกรมชลประทาน หรือการวางท่อในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก
นอกจากท่อพลาสติกข้างต้น ยังมีการใช้ท่อประเภทอื่นในงานสุขาภิบาลสำหรับบางกรณี เช่น ท่อเหล็กอาบสังกะสี (Galvanized Steel Pipe) สำหรับงานที่ต้องรับแรงดันสูง หรือท่อทองแดง (Copper Pipe) ซึ่งมีราคาแพงแต่มีความทนทานและเป็นที่นิยมในต่างประเทศ
งานระบบปรับอากาศและระบายอากาศ (HVAC System)
งานท่อในระบบนี้มีหน้าที่ส่งผ่านน้ำยาทำความเย็น (Refrigerant) หรือน้ำเย็น (Chilled water) ไปยังเครื่องปรับอากาศ รวมถึงงานท่อสำหรับระบบระบายอากาศที่ใช้ในการหมุนเวียนอากาศภายในอาคารเพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
1. ท่อลม (Duct)
ท่อลมทำหน้าที่เป็นช่องทางส่งอากาศเย็นหรือร้อนจากเครื่องปรับอากาศ (เช่น Air Handling Unit หรือ AHU) ไปยังพื้นที่ต่างๆ และนำอากาศกลับมา ท่อลมมีหลายประเภทตามวัสดุและรูปทรง:
ท่อเหล็กสังกะสี (Galvanized Steel Duct): เป็นท่อที่นิยมใช้กันมากที่สุดในอาคารขนาดใหญ่และโรงงาน เพราะมีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถทำได้หลายรูปทรง เช่น ท่อสี่เหลี่ยม (Rectangular Duct) และท่อกลม (Spiral Duct)
ท่ออลูมิเนียมฟอยล์ (Flexible Duct): หรือท่อลมอ่อน มีความยืดหยุ่นสูง สามารถโค้งงอได้ง่าย เหมาะสำหรับใช้เชื่อมต่อระหว่างท่อหลักกับหัวจ่ายลมในจุดที่เข้าถึงยาก
ท่อ P.I.D. (Pre-Insulated Duct): เป็นท่อสำเร็จรูปที่ผลิตจากแผ่นโฟมโพลียูรีเทน (Polyurethane) และถูกเคลือบด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ทั้งสองด้าน มีน้ำหนักเบาและมีฉนวนกันความร้อนในตัว
ท่อผ้าใบเคลือบพีวีซี (Fabric Duct): เป็นท่อที่ทำจากผ้าทนไฟหรือผ้าใยแก้วเคลือบด้วย PVC มีน้ำหนักเบาและติดตั้งง่าย
2. ท่อสารทำความเย็น (Refrigerant Pipe)
ท่อเหล่านี้ใช้สำหรับระบบที่ต้องการส่งสารทำความเย็น (เช่นน้ำยาแอร์) ระหว่างคอยล์ร้อน (Condenser Unit) และคอยล์เย็น (Evaporator Unit)
ท่อทองแดง (Copper Pipe): เป็นวัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดสำหรับงานท่อสารทำความเย็น เนื่องจากทองแดงสามารถทนทานต่อแรงดันและความร้อนของน้ำยาแอร์ได้ดีเยี่ยม และยังสามารถดัดโค้งได้ง่าย
ท่อ PPR (Polypropylene Random Copolymer): ถูกนำมาใช้ในระบบปรับอากาศแบบ Chiller (ระบบที่ใช้น้ำเป็นตัวกลางในการทำความเย็น) เพราะสามารถทนต่ออุณหภูมิน้ำเย็นได้ดี และไม่เป็นสนิม
งานระบบดับเพลิง (Fire Protection System) : เป็นระบบท่อที่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยในอาคาร ท่อเหล่านี้จะทำหน้าที่ส่งน้ำไปยังหัวสปริงเกลอร์ (Sprinkler) หรือสายฉีดน้ำดับเพลิง (Hose reel) เพื่อใช้ในการควบคุมหรือระงับเหตุอัคคีภัย
ประเภทของท่อเหล็กที่ใช้ในระบบดับเพลิง
1. ท่อเหล็กดำ (Black Steel Pipe): เป็นชนิดที่นิยมใช้มากที่สุดในระบบท่อดับเพลิง โดยเฉพาะในระบบท่อเมนและท่อจ่าย เนื่องจากมีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อแรงดันน้ำ และไม่ติดไฟ ท่อเหล็กดำที่ใช้ในงานดับเพลิงมักจะถูกทาสีแดงตามมาตรฐานเพื่อบ่งบอกว่าเป็นระบบป้องกันอัคคีภัย
2. ท่อเหล็กกัลวาไนซ์ (Galvanized Steel Pipe): คือท่อเหล็กที่เคลือบด้วยสังกะสีเพื่อป้องกันการเกิดสนิม มักใช้ในบางส่วนของระบบที่อาจสัมผัสกับความชื้น หรือในพื้นที่ที่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อนเป็นพิเศษ
ความหนาของท่อที่ใช้ในระบบดับเพลิงจะถูกระบุด้วยค่า Schedule เช่น Schedule 40 ซึ่งบ่งบอกถึงความหนาของผนังท่อที่เหมาะสมกับงานแรงดันสูง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
งานระบบท่อส่งแก๊สและสารเคมี :
มักพบในโรงงานอุตสาหกรรมหรืออาคารบางประเภท ท่อเหล่านี้ต้องมีความทนทานและได้รับการออกแบบอย่างเคร่งครัดเพื่อขนส่งแก๊สหรือสารเคมีต่างๆ อย่างปลอดภัย
ประเภทของท่อและวัสดุที่ใช้
ท่อเหล็กคาร์บอน (Carbon Steel Pipe): เป็นท่อที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงงาน เนื่องจากมีความแข็งแรงสูงและทนทานต่อแรงดันได้ดี มักใช้สำหรับขนส่งแก๊สธรรมชาติ, LPG และสารเคมีบางชนิด
ท่อเหล็กสเตนเลส (Stainless Steel Pipe): ใช้สำหรับขนส่งสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง เช่น กรด, ด่าง หรือสารเคมีบริสุทธิ์สูง (High Purity) เนื่องจากสเตนเลสมีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูงและไม่ทำปฏิกิริยากับสารที่ขนส่ง
ท่อโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE - High Density Polyethylene): เป็นท่อพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา และทนทานต่อการกัดกร่อน มักใช้สำหรับระบบท่อส่งแก๊สธรรมชาติที่ฝังใต้ดิน เนื่องจากสามารถทนต่อการทรุดตัวของดินได้ดี